WP-02-เลือก Theme, Theme คืออะไร

รับทำเว็บไซต์ WP 02 เลือกธีม themeคืออะไร beone co th
Theme (ธีม) ของ WordPress คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรบ้าง
  1. ธีม เป็น Template website ที่ใช่ตกแต่งเว็บไซต์ใน wordpress
  2. ธีม ทำให้เว็บไซต์ของเราสวยงาม
  3. ธีม ทำให้เราจัดการเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
  4. วิธีติดตั้ง Theme บน Wordpress

Theme หรือ “ธีม” คืออะไร ?

วันนี้ Beone จะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่องของ Theme Website ว่ามันคืออะไร
แล้วมันสำคัญอย่างไร เราไปทำความรู้จักกัน

รับทำเว็บไซต์ WP 02 เลือก Theme Theme คืออะไร 01

ใน WordPress “ธีม” (Theme) หมายถึงชุดของไฟล์ที่ใช้กำหนดลักษณะ และ
รูปแบบของเว็บไซต์ของคุณ ธีมประกอบด้วยไฟล์เทมเพลต, ไฟล์สไตล์ชีต (CSS),
ไฟล์ภาพ และบางครั้งก็รวมถึงไฟล์ JavaScript และไฟล์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ธีมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดวิธีการแสดงผลของเนื้อหาเว็บไซต์ให้แก่ผู้เข้าชม
ธีมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ ผ่านหน้าจอการจัดการใน WordPress
โดยไม่กระทบกับเนื้อหาที่อยู่ในเว็บไซต์ ธีมที่เลือกใช้จะส่งผลต่อการแสดงผลของ
โพสต์, หน้า, วิดเจ็ต และเมนูต่าง ๆ


 

ส่วนประกอบของ Theme ใน WordPress มีอะไรบ้าง

รับทำเว็บไซต์ wordpress elementor pro beonefriendship
รับทำเว็บไซต์
wordpress elementor pro beonefriendship
  • ไฟล์เทมเพลต (Template Files)
    ไฟล์เหล่านี้ใช้เพื่อกำหนดการจัดวางเนื้อหาในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์
    เช่น header.php, footer.php, index.php, single.php, และอื่น ๆ
    สามารถ หาซื้อ Template สำเร็จรูปมาลงใน WordPress ได้เช่นกัน
  • สไตล์ชีต (CSS)
    ไฟล์ CSS เป็นไฟล์หลักสำหรับการจัดรูปแบบหน้าตาของเว็บไซต์คือ
    style.css ซึ่งมักจะมีข้อมูลเกี่ยวกับธีมอยู่ด้วย เช่น ชื่อผู้สร้าง, รายละเอียด,
    เวอร์ชัน เป็นต้น
  • ไฟล์ภาพ
    รูปภาพต่าง ๆ ที่ใช้ในธีม เช่น โลโก้, พื้นหลัง, ไอคอน, เป็นต้น
  • ไฟล์ JavaScript
    ใช้ในการเพิ่มฟังก์ชันการทำงานแบบไดนามิกให้กับเว็บไซต์
    เช่น การเลื่อนภาพ, เมนูแบบดรอปดาวน์, และอื่น ๆ
  • ฟังก์ชันธีม (Theme Functions)
    ไฟล์ functions.php ใช้สำหรับการเพิ่มฟังก์ชันและฟีเจอร์พิเศษให้กับธีม
    เช่น การเพิ่มเมนูนำทาง, การลงทะเบียนวิดเจ็ต, การปรับแต่งหน้าจอผู้ใช้ เป็นต้น

 

การเลือก Theme ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ของเรา

การเลือกธีมใน WordPress ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ควรพิจารณาเพื่อให้แน่ใจว่า
ธีมที่เลือกจะตอบสนองต่อความต้องการของเว็บไซต์และผู้ใช้งาน แล้วอะไรบ้างที่เราต้องคำนึงถึง

  • ประเภทของเว็บไซต์
    การเลือก ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของธุรกิจของเรา แต่ละประเภท ก็ใช้ต่างกัน เช่น
    เว็บบล็อก, ร้านค้าออนไลน์, พอร์ตโฟลิโอ, เว็บไซต์ข่าว, หรือเว็บไซต์ธุรกิจ
    เราควรเลือกธีมที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับประเภทเว็บไซต์ของคุณ
  • การเข้ากันกับปลั๊กอิน
    ตรวจสอบว่าธีมรองรับปลั๊กอินที่คุณต้องการใช้ เช่น WooCommerce สำหรับร้านค้าออนไลน์,
    Yoast SEO สำหรับการปรับแต่ง SEO, และ Contact Form 7 สำหรับแบบฟอร์มติดต่อ
  • ตัวเลือกการปรับแต่ง
    เลือกธีมที่มีตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลาย เช่น การเปลี่ยนสี, ฟอนต์, การจัดวางเนื้อหา และการปรับแต่งหน้าเว็บ
  • รองรับ Customizer
    การมีตัวเลือกปรับแต่งผ่าน WordPress Customizer ทำให้การปรับแต่งธีมง่ายและสะดวก
  • การแสดงผลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ
    ธีมที่ดีควรตอบสนองได้ดีบนทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต, หรือสมาร์ทโฟน
    การทดสอบการแสดงผลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ ช่วยให้แน่ใจว่าผู้เข้าชมจะได้รับประสบการณ์ที่ดี
  • ประสิทธิภาพการโหลดหน้าเว็บ
    ธีมควรออกแบบให้มีการโหลดหน้าเว็บที่รวดเร็ว เนื่องจากความเร็วในการโหลด
    มีผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งานและการจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา และ SEO
  • ฟีเจอร์พิเศษ
    เราต้องดูว่าธีมมีฟีเจอร์ที่คุณต้องการ เช่น การรองรับหลายภาษา (Multilingual),
    การรวมไอคอนโซเชียลมีเดีย, หรือการแสดงภาพสไลด์
  • Widget และ Layout Options
    ธีมควรมีตัวเลือกการจัดวางที่หลากหลายและรองรับการใช้งาน Widget ได้ดี
  • มาตรฐานความปลอดภัย
    ธีมควรได้รับการพัฒนาตามมาตรฐานความปลอดภัยของ WordPress และ
    ควรมีการอัปเดตเพื่อแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยเป็นประจำ

 

ประเภทของ Theme มีอยู่ได้กัน 3 แบบ

  1. Theme Free ( แบบใช้ฟรี )
    เป็น ธีม สำเร็จรูปที่มีอยู่แล้วใน WordPress เอง เราสามารถที่จะเลือกและดาวโหลดมาใช้งานได้ทันที
    แต่ข้อเสียเลย เราไม่สามารถออกแบบหน้าตามเว็บตามใจเราได้เอง เราทำได้แค่เพียงต่อตาม template
    ที่เขาออกแบบเว็บไว้แล้ว
  2. Theme Paid ( แบบเสียเงิน )
    เป็น ธีม ที่เรามักจะเรียกกันว่า พรีเมี่ยมธีม (Premium Theme)
    เราต้องทำการซื้อมา มีทั้งแบบสำเร็จรูป และ ก็แบบที่เราสามารถออกแบบเองได้ ซึ่งแต่ละ ธีม ก็จะมี
    การจัดการต่างกันไป เราก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้แล้วทำการแก้ไข ตามธีมนั้น
  3. Themes from Page Builder ( ธีมที่ออกแบบ โดยไม่ต้องใช้ Coding )
    นอกจาก Theme Template ที่ให้ใช้ฟรี และ เสียเงินแล้ว ยังมีอีก 1 ตัวช่วยที่ทำให้เราจัดการเว็บไซต์
    ของเราง่ายๆ ได้อีก นั่นก็คือทำผ่าน Page Builder นั่นเอง ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันหลายค่ายให้เลือกใช้
    อาทิเช่น Elementor, Brever Bulider, Divi, Brizy, Oxygen Builder เป็นต้น

นอกจากที่เราจะซื้อ Theme ผ่าน WordPress แล้ว ก็ยังมีอีกหลายที่ ที่สามารถซื้อได้อีก
ที่นิยมซื้อกันในประเทศไทยก็จะมี Envato, Themeforest การเลือกธีมที่เหมาะสม
เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพและสวยงาม ธีมที่ดีจะช่วยให้
ผู้เข้าชมมีประสบการณ์ที่ดีและส่งเสริมให้เนื้อหาของเว็บไซต์โดดเด่น


 

วิธีการลง Theme ใน WordPress มี 2 วิธี

การติดตั้งผ่าน Dashboard

  1. เลือกที่ เมนู Appearance –> Theme ในหน้า Dashboard
  2. Add New Themeรับทำเว็บไซต์ WP 02 เลือก Theme Theme คืออะไร 02
  3. ค้นหา Theme ที่ต้องการในช่อง Search Theme…รับทำเว็บไซต์ WP 02 เลือก Theme Theme คืออะไร 03
  4. เลือก Theme ที่ต้องการติดตั้ง แล้วคลิก Install
    รับทำเว็บไซต์ WP 02 เลือก Theme Theme คืออะไร 04
  5. หลัง Install เสร็จ ให้กด Active เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
    รับทำเว็บไซต์ WP 02 เลือก Theme Theme คืออะไร 05

การติดตั้งด้วยการ Upload

  1. เลือกที่ เมนู Appearance –> Theme
  2. Add New Theme รับทำเว็บไซต์ WP 02 เลือก Theme Theme คืออะไร 06
  3. Upload Theme
  4. เลือกไฟล์ .zip ที่ดาวน์โหลดมาและคลิก Install Nowรับทำเว็บไซต์ WP 02 เลือก Theme Theme คืออะไร 07
  5. หลังจากติดตั้งเสร็จ คลิก Activateรับทำเว็บไซต์ WP 02 เลือก Theme Theme คืออะไร 08

Theme แต่ละอันมีการจัดการที่ไม่เหมือนกัน ต้องใช้เวลาเรียนรู้วิธีใช้ ธีมนั้นๆ