Basic-01-สิ่งที่จำเป็นในการสร้างเว็บไซต์

รับทำเว็บไซต์ basic 01 สิ่งที่จำเป็นในการสร้างเว็บไซต์ beone co th
ก่อนที่จะมีเว็บไซต์สิ่งที่สำคัญมีอยู่ 3 อย่าง ถ้าไม่มีจะไม่สามารถสร้างเว็บไซต์ได้
  1. Domain Name - ชื่อโดเมน หรือชื่อเว็บที่เราต้องการ
  2. Hosting - โฮส ผู้ให้บริการเช่าพื้นที่ Server เพื่อเก็บไฟล์ ฐานข้อมูล สำหรับการแสดงผลให้ผู้ใช้งาน
  3. Web Page - หน้าเว็บแสดงผล ที่ให้ผู้ใช้งานได้เข้ามาชม หรือมืส่วนร่วมผ่านหน้าเว็บ

ส่วนประกอบหลักของเว็บไซต์มีอยู่หลักๆด้วยกัน 3 ส่วน คือ

Domain Name คือชื่อโดนเมนหรือชื่อเว็บไซต์

ควรตั้งชื่อโดเมนให้ผู้ใช้งานหรือผู้เยี่ยมชมจดจำได้ง่าย หลีกเลี่ยงการตั้งชื่อที่อ่านยาก , ยาว หรือใช้สัญลักษณ์ เช่น

  • yourdomainhelloworld.com  การตั้งชื่อที่ยาวทำให้จดจำยากและง่ายต่อการเข้าใจผิด
  • yourdomain-hello-world.com การใช้สัญลักษณ์ทำให้เกิดความผิดพลาดเมื่อผู้ใช้พิมพ์ชื่อโดเมนเรา

ตั้งได้ทั้งภาษาไทย , ภาษาอังกฤษ เช่น

เลือกได้ว่าเราจะใช้ “นามสกุล(Top-Level Domains)” ต่อท้ายด้วยอะไร

  • .com – เป็น TLD ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ใช้สำหรับเว็บไซต์ทางพาณิชย์และธุรกิจ
  • .co.th = commercial in thailand หมายถึง บริษัท หรือองค์กรที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
  • .org – ใช้สำหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร หรือองค์กรที่มีเจตจำนงทางสังคม
  • .net – ใช้สำหรับเน็ตเวิร์ค (Network) และบริการที่เกี่ยวข้องกับเน็ตเวิร์ค
    • อื่นๆอีกมากมาย เช่น .xyz   .io  .blog  .shop  .me  .info  .biz …..

โดยปกติบุคคลทั่วไป หรือบริษัทจะไม่สามารถจดชื่อโดเมนเหล่านี้ได้

  • .edu – ใช้สำหรับสถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัย
  • .gov – ใช้สำหรับเว็บไซต์ของรัฐบาล
  • .mil – ใช้สำหรับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ

ค่าใช้จ่ายสำหรับการจดชื่อโดเมน

  • .com ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 400-500 บาท ต่อปี
  • .co.th ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 800-1000 บาท ต่อปี
  • .net ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 800-900 บาท ต่อปี

 


 

Hosting – โฮสหรือเซิฟเวอร์ สำหรับเก็บไฟล์และสร้างฐานข้อมูล

การเลือกบริการ hosting สำคัญอย่างมากสำหรับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคุณ เพราะมีผลต่อประสิทธิภาพ ความเสถียรภาพ และประสบการณ์ของผู้ใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้:

  1. ความเร็วในการโหลด: การเลือก hosting ที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น เนื่องจากการที่เซิร์ฟเวอร์มีประสิทธิภาพสามารถตอบสนองกับคำขอจากผู้ใช้งานได้เร็ว
  2. ความเสถียร: การใช้บริการ hosting ที่มีความเสถียรสูงช่วยให้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคุณมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการตัดสินใจที่ไม่พึงประสงค์
  3. ความปลอดภัย: บริการ hosting ที่ดีมักมีระบบความปลอดภัยที่ดี เช่น การสำรองข้อมูล (backups), ระบบป้องกันการโจมตี DDoS, และการให้บริการ SSL/TLS สำหรับความปลอดภัยในการสื่อสาร
  4. การสนับสนุน: บริการ hosting ที่มีการสนับสนุนลูกค้าที่ดีสามารถช่วยแก้ไขปัญหาและการให้คำแนะนำในการดูแลเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. ประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์: บริการ hosting ที่มีเซิร์ฟเวอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยให้เว็บไซต์มีการทำงานได้ดีที่สุดและให้ประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน
  6. การเลือกฟีเจอร์เสริม: บริการ hosting ที่มีฟีเจอร์เสริม เช่น ระบบจัดการ DNS, การสำรองข้อมูลอัตโนมัติ, หรือบริการเสริมอื่น ๆ สามารถช่วยให้การดำเนินงานของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การเลือก hosting ที่เหมาะสมกับความต้องการและประสงค์ของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคุณเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีและประสิทธิภาพที่สูง

ค่าใช้จ่ายสำหรับการเช่าโฮส

ราคาของบริการ hosting ในประเทศไทยอาจแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการ ประเภทของ hosting และความสมบูรณ์ของแพ็กเกจที่คุณเลือก ราคาที่แสดงด้านล่างเป็นเพียงตัวอย่างและอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามเวลา:

  1. Shared Hosting:
    • ราคาเริ่มต้นประมาณ 100 – 500 บาทต่อเดือน
    • แพ็กเกจที่มีความสมบูรณ์มากขึ้นอาจมีราคาประมาณ 300 – 1,000 บาทต่อเดือน
  2. VPS Hosting (Virtual Private Server):
    • ราคาเริ่มต้นประมาณ 500 – 2,000 บาทต่อเดือน
    • ราคาอาจแตกต่างกันตามขนาดและความสามารถของ VPS
  3. Dedicated Server Hosting:
    • ราคาเริ่มต้นประมาณ 3,000 – 10,000 บาทต่อเดือน
    • ราคาอาจเพิ่มขึ้นตามความสามารถของเซิร์ฟเวอร์และความเร็วของระบบ

 


 

Web Page – ระบบสำหรับการทำเว็บไซต์ เช่น CMS , ERP

ระบบที่ไว้ทำหรับจัดทำเว็บไซต์มีหลากหลาย มีทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบที่พัฒนาขึ้นมาเอง ปัจจุบันระบบที่เป็นที่นิยมคือระบบ CMS (Content Management System) ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งและใช้งานได้อย่างง่ายโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการเขียนโค๊ด

CMS ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันคือ  WordPress เป็น CMS ที่เป็น Open Source สามารถใช้งานได้ฟรีมีผู้พัฒนาและใช้งานทั่วทุกมุมโลก ใช้งานง่ายมี Plugin  เสริมครอบคลุมกับความต้องการของการใช้งาน

รับทำเว็บไซต์ wordpress elementor pro beonefriendship
รับทำเว็บไซต์ wordpress elementor pro beonefriendship

WordPress เป็นระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System หรือ CMS) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการสร้างและบริหารจัดการเว็บไซต์ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาแบบบล็อก (blog) และเว็บไซต์ทั่วไปที่มีการประกาศเนื้อหาต่าง ๆ ออกสู่สาธารณะได้ง่าย ๆ ผ่านอินเทอร์เฟซของ WordPress โดยไม่ต้องมีความรู้หรือทักษะการเขียนโค้ดมากนัก

WordPress มีความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ตามต้องการ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการสร้างเว็บไซต์ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ โดยรวมมีลักษณะเด่นดังนี้:

  1. ง่ายต่อการใช้งาน: WordPress มีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและเข้าใจได้ดี ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเริ่มต้นใช้งานได้โดยไม่ต้องมีความรู้เชิงลึกในการเขียนโปรแกรม
  2. รองรับปลั๊กอิน (Plugins): ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มความสามารถของ WordPress ด้วยปลั๊กอินต่าง ๆ ที่มีให้เลือกใช้งาน เช่น ปลั๊กอินสำหรับการเพิ่มฟังก์ชันพิเศษ เพิ่มความปลอดภัย เป็นต้น
  3. ธีม (Themes) ที่ปรับแต่งได้: มีธีมมากมายที่สามารถปรับแต่งดีไซน์ของเว็บไซต์ได้ตามต้องการ ทำให้สามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีลุคและประสบการณ์ของผู้ใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
  4. การเผยแพร่เนื้อหา: WordPress มีเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเผยแพร่เนื้อหาอย่างง่ายผ่านโพสต์ หรือเพจต่าง ๆ บนเว็บไซต์
  5. การจัดการเนื้อหา: ผู้ใช้งานสามารถจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ตามต้องการ เช่น การเพิ่ม แก้ไข หรือลบเนื้อหา
  6. ความปลอดภัย: มีการอัปเดตและป้องกันช่องโหว่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ WordPress มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี

WordPress นับเป็น CMS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกและมีชุมชนผู้ใช้งานกว่า 75 ล้านคนทั่วโลก

 

รับทำเว็บไซต์ odoo website beonefriendship
รับทำเว็บไซต์ odoo website beonefriendship

Odoo เป็นระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่เปิดตัวเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส (open-source software) ที่ให้บริการในรูปแบบบนเว็บ (web-based) ซึ่งช่วยในการบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ของธุรกิจอย่างเชื่อถือได้ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ ซึ่งต้องการระบบ ERP ที่สามารถปรับเปลี่ยนและประสานงานได้ตามความต้องการของธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจทั้งภายในและภายนอกองค์กร

Odoo เน้นการให้บริการแบบ all-in-one ซึ่งหมายถึงระบบนี้มีโมดูลหลากหลายที่ครอบคลุมทุกด้านของธุรกิจ เช่น บริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources), การจัดการคลังสินค้า (Inventory Management), การจัดการการผลิต (Manufacturing), การขายและการตลาด (Sales and Marketing), การบัญชีและการเงิน (Finance and Accounting), และฟังก์ชันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ

คุณสมบัติที่น่าสนใจของ Odoo ได้แก่:

  1. โมดูลและปรับแต่ง: Odoo มีโมดูลที่ครอบคลุมทุกด้านของธุรกิจ และสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของธุรกิจ
  2. ง่ายต่อการใช้งาน: มีอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและเข้าใจได้ดี ทำให้ผู้ใช้สามารถนำเสนอและใช้งานโมดูลต่าง ๆ ได้โดยง่าย
  3. รองรับเว็บบราวเซอร์: Odoo เป็นระบบเว็บแอปพลิเคชัน (web application) ที่สามารถทำงานบนเว็บบราวเซอร์ทุกประเภท
  4. มีชุมชนที่ใหญ่: Odoo มีชุมชนผู้ใช้งานและนักพัฒนาที่ใหญ่ที่สนับสนุนการพัฒนาและการแก้ไขปัญหา
  5. การอัปเดตและปรับปรุง: Odoo มีการอัปเดตและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงและความต้องการใหม่ในการบริหารจัดการธุรกิจ

 


 

สรุป

เมื่อได้องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนนี้ ก็สามารถจัดทำเว็บไซต์ในรูปแบบต่างๆ ที่เราอยากนำเสนอ  ไม่ว่าจะเป็นแสดงสินค้า , ขายสินค้าออนไลน์ , ระบบบริการต่างๆ เช่น ขายตั๋ว , เช่า , จอง , ฯลฯ ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ด้วยการเริ่มต้นจากการทำเว็บไซต์นั่นเอง