การตั้งค่าพื้นฐานสำหรับ WordPress ในส่วนของ Setting มีอะไรบ้าง
การตั้งค่าพื้นฐาน ในส่วนของ Setting นั้น จำเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะเริ่มออกแบบเว็บไซต์
จะมีอะไรบ้าง วันนี้ beone list มาให้แล้ว
การตั้งค่า “ทั่วไป” (General Setting)
ในส่วนที่เราตั้งค่าทั่วไป ก็มีส่วนสำคัญ ที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราดียิ่งขึ้น จะมีดังนี้
- Site Title (ชื่อเว็บไซต์)
นอกจากที่เรามี domain name ที่มีเป็นชื่อของเว็บไซต์แล้ว เรายังสามารถตั้งชื่อตรง site title ได้อีกด้วย
ซึ่งส่วนนี้จะไปแสดงผลบน tabbar ด้านบนของ web browser เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสามารถระบุได้ว่าเว็บไซต์นั้น
เกี่ยวกับเรื่องอะไรหรือให้บริการอะไร เช่น ชื่อธุรกิจ ชื่อบริษัทหรือชื่อเว็บไซต์ตามที่คุณต้องการ - Tag Title (คำโปรย)
tag title ในเว็บไซต์ หมายถึง ส่วนหัว หรือ คำโปรย จะเป็นคำต่อท้ายจาก site title ที่ใช้เพื่ออธิบายสินค้า
หรือการบริการของเว็บไซต์ของเราเพียงสั้นๆ การตั้งค่า tag title ที่เหมาะสมสามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ
มีประสิทธิภาพในการทำ SEO (Search Engine Optimization) ได้ดีขึ้น เนื่องจาก
tag title มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของ Search Engine นั้นๆ - Site Icon (รูปไอคอนเว็บ)
site icon หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “favicon icon” เป็นไอคอนเล็ก ๆ ที่แสดงบนแท็บของ web browser ขณะเข้าชมเว็บไซต์
ซึ่งมักจะเป็นรูปแบบโลโก้หรือสัญลักษณ์ย่อของเว็บไซต์นั้น ๆ การตั้งค่า favicon สามารถทำได้โดยการอัพโหลดไฟล์
รูปภาพขนาดเล็ก เช่นไอคอนขนาด 16×16 พิกเซล หรือ 32×32 พิกเซล เป็นไฟล์รูปภาพในรูปแบบ
.ico, .png, หรือ .jpg ก็ได้ - WordPress Address (ที่อยู่เวิร์ดเพรส) *ห้ามแก้ไข
คิอ URL ที่ใช้เพื่อเข้าถึงแผงควบคุมของ WordPress (WordPress admin panel) หรือเว็บไซต์ของคุณที่ใช้ WordPress
เป็นระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System) การตั้งค่ามีความสำคัญอย่างมาก ในกรณีที่คุณต้องการ
ย้ายเว็บไซต์ของคุณไปยังโฮสต์ใหม่หรือเปลี่ยนโดเมน เนื่องจากคุณจำเป็นต้องอัปเดต URL ของ
WordPress เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง - Site Address (ที่อยู่เว็บไซต์) *ห้ามแก้ไข
คือที่อยู่ URL ที่ใช้เข้าถึงหน้าหลักหรือหน้าหลักของเว็บไซต์ของคุณ นั่นคือ URL ที่ผู้เยี่ยมชมจะพิมพ์ในเบราว์เซอร์
เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณ หรือ ที่ลิงก์จะชี้ไปเมื่อคุณต้องการที่จะแชร์หรือนำเสนอเว็บไซต์ของคุณให้ผู้อื่นเข้าถึง
การตั้งค่าสำคัญอย่างมาก เนื่องจากจะมีผลต่อการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณ หากคุณต้องการเปลี่ยนโดเมน หรือ
ย้ายเว็บไซต์ของคุณไปยังโฮสต์ใหม่ คุณจะต้องอัปเดต Site address เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างถูกต้อง - Administration Email Address (อีเมล์ผู้ดูแลระบบ)
เป็นที่อยู่ Email หลัก ที่ใช้ในการบริหารจัดการเว็บไซต์ของเราทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนอีเมล์
การส่งอีเมล์นี้ไปยังลูกค้า การจัดการระบบของ wordpress เอง - Membership (สมัครสมาชิก)
เป็นส่วนที่ทำให้คนอื่นๆ สมัครเข้ามาเป็น admin ของเราได้ - New User Default Role (บทบาทหลักผู้ใช้ใหม่)เป็นการกำหนดสิทธิ์การทำงานใน wordpress
จะเป็นการตั้งค่าเริ่มต้น หากมีการสมัครเข้ามาใหม่ ในส่วนนี้ admin สามารถกำหนดเองได้โดยการสร้าง User ใหม่ให้เอง
และกำหนดบทบาทให้ ซึ่งแต่ละบทบาทมีหน้าที่ดังนี้- –> Administrator
บทบาทที่มีสิทธิ์สูงสุดในระบบ มีสิทธิ์ทั้งหมดในการจัดการเว็บไซต์ - –> Editor
บทบาทที่สามารถเข้าถึงและแก้ไขเนื้อหาทั้งหมดของเว็บไซต์ได้ รวมถึงเนื้อหาของผู้ใช้ทั้งหมด - –> Author
บทบาทที่สามารถเข้าถึงและสร้างเนื้อหาใหม่บนเว็บไซต์ได้แต่ไม่สามารถจัดการเนื้อหาของผู้ใช้อื่นได้ - –> Contributor
บทบาทที่สามารถเข้าถึงและสร้างเนื้อหาใหม่บนเว็บไซต์ได้แต่ต้องมีการอนุมัติจากผู้ดูแลระบบก่อนที่จะเผยแพร่
- –> Administrator
- Site Language (ภาษาของเว็บไซต์)
เป็นภาษาที่ใช้เริ่มต้นของเว็บไซต์เอง - Time Zone (เขตของเวลา)
เป็นการกำหนดเวลา ให้เป็นเวลาสากลในประเทศนั้นๆ
ในส่วนของประเทศไทยเรา จะเป็น UTC+7 - Date & Time Format (รูปแบบของวันที่และเวลา)
ตรงนี้สามารถเลือกรูปแบบได้ตามใจชอบของเราได้เลย - Week Starts On (รวันเริ่มต้นของสัปดาห์)
เป็นการกำหนดการนับรอบของเวลา

wordpress elementor pro beonefriendship
การตั้งค่า “การเขียน” (Writting Setting)
การตั้งค่าการเขียน เป็นการกำหนดค่าที่เกี่ยวข้องกับการเขียนเนื้อหาบนเว็บไซต์และการเผยแพร่เนื้อหาใน wordpress
- Default Post Category (หมวดหมู่เรื่องหลัก)
เราสามารถกำหนดเนื้อหาหลัก ที่เป็น blog post ของเราได้ ว่าจะเริ่มต้นเป็นเนื้อหาของ category
อันไหนให้เห็นเป็นอันแรก - Default Post Format (รูปแบบเรื่องเริ่มต้น)
รูปแบบเริ่มต้นที่ WordPress จะใช้สร้างโพสต์ใหม่ กำหนดลักษณะการแสดงของเนื้อหาโพสต์ เช่น บทความ, วิดีโอ, ภาพ,
ลิงก์, หรือสเตตัส แต่ส่วนใหญ่เราจะใช้ รูปแบบมาตรฐาน - Default editor for all users (กำหนดรูปแบบการเขียน)
เป็นการกำหนดเครื่องมือแก้ไขเริ่มต้นที่ใช้สำหรับผู้ใช้ในการเขียนข้อความ มีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ
- –>Block Editor (Gutenberg)
เป็นเครื่องมือแก้ไขที่มีการออกแบบใหม่ใน WordPress 5.0 และสูงกว่ามีการใช้บล็อก
ในการสร้างหน้าเนื้อหาโดยใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่นสูง - – Classic Editor
–> เป็นเครื่องมือแก้ไขที่เป็นส่วนหนึ่งของ WordPress ก่อนการอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 5.0
มีลักษณะการใช้งานแบบเดิมที่ผู้ใช้เคยใช้มาก่อน
- Allow users to switch editors (กำหนดให้ admin เปลี่ยนรูปแบบแก้ไข editor ได้)
ตัวเลือกที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถสลับระหว่างเครื่องมือแก้ไขได้บนเว็บไซต์WordPressโดยตัวเลือกนี้จะอนุญาต
ให้ผู้ใช้เลือกใช้เครื่องมือแก้ไขตามที่พวกเขาต้องการโดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือแก้ไขเริ่มต้นที่ถูกกำหนดไว้สำหรับทุกคนบนเว็บไซต์ - Post via email (ส่งเรื่องผ่านอีเมล)
เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณสามารถโพสต์เนื้อหาใหม่ได้ผ่านทางอีเมล์โดยตรง นั่นหมายความว่าคุณสามารถ
สร้างโพสต์ใหม่บนเว็บไซต์ WordPress ของคุณได้โดยใช้อีเมล์เป็นช่องทาง
โดยไม่ต้องเข้าสู่ระบบในแดชบอร์ดของ WordPress หรือใช้หน้าเว็บเพื่อสร้างเนื้อหาใหม่ - Default Mail Category (หมวดหมู่เมล์หลัก)
เราสามารถเลือก mail ที่จะใช้ส่ง-รับอีเมล์ ได้ หากเรามีหลากหลายอีเมล์ - Update Services (บริการอัปเดต)
เป็นส่วนหนึ่งของการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเว็บบล็อกและเครือข่ายสังคมเกี่ยวกับการเผยแพร่เนื้อหาใหม่
บนเว็บไซต์ของคุณ การตั้งค่านี้ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถติดต่อกับเว็บบล็อกและเครือข่ายสังคมต่าง ๆ
โดยอัตโนมัติเมื่อมีการเผยแพร่เนื้อหาใหม่ ซึ่งจะช่วยในการเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ และ
เพิ่มโอกาสในการรับรู้เนื้อหาของคุณ
ตั้งค่า “การอ่าน” (reading setting)
- Your homepage displays (กำหนดค่าหน้าแรก)
เป็นส่วนหนึ่งในการตั้งค่าหน้าแรก (homepage) ของเว็บไซต์ สามารถเลือก ได้ 2 แบบ- –>Your latest posts (โพสต์ล่าสุด)
จะแสดงโพสต์ล่าสุดตามลำดับเวลา - –>A static page (หน้าตายตัว)
เป็นการนำหน้า Page ที่เราสร้างมาเป็นหน้าหลัก (Front Page) และหน้าที่คุณสร้างมาเป็นหน้าบล็อก (Posts Page)
เพื่อให้ WordPress แสดงเนื้อหาที่คุณกำหนดไว้
- –>Your latest posts (โพสต์ล่าสุด)
- Blog pages show at most (จำนวนโพสต์ที่จะให้แสดง)
เป็นการกำหนดค่าของจำนวนโพสต์ที่อยู่ใน “หน้าแรก” ระบบจะแสดงโพสต์ล่าสุดตามจำนวนที่กำหนดไว้
มีการตั้งค่าเริ่มต้นโดยปกติที่ 10 โพสต์ต่อหน้า - Syndication feeds show the most recent (จำนวนโพสต์ในหน้าฟีด)
เป็นการกำหนดค่าของจำนวนหน้าโพสต์ที่อยู่ใน “ฟีด” ส่วนใหญ่ที่มีอยู่คือ RSS feeds ซึ่งเป็นวิธีหนึ่ง
ในการให้ผู้อ่านติดตามเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ โดยฟีดจะแสดงเนื้อหาที่เผยแพร่ล่าสุด เช่น
โพสต์บล็อกหรือบทความล่าสุด ด้วยเนื้อหาแบบ - For each post in a feed, include (เลือกให้โพสต์แสดงเป็นแบบไหน)
เราสามารถเลือกให้โพสต์ของเราแสดงผลเป็นแบบใด มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ- –>Full text (แสดงข้อความทั้งหมด) โชว์ข้อความแบบเต็ม
- –>Excerpt (เกริ่นนำ) โชว์ข้อความแบบย่อ
- Search engine visibility (การมองเห็นสำหรับเครื่องมือค้นหา)*สำคัญต่อ SEO
ส่วนนี้เป็นการตั้งค่า ให้เครื่องมือค้นหา หรือ search engine ของ web browser ต่างๆ นั้น
มองเห็นหน้าเว็บไซต์ บทความ ภายในเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้ผู้ใช้เห็นเว็บไซต์ ต่อจากนั้น
เราสามารถทำ SEO หรือ Analytic ได้อีกด้วย
*ต้องติ๊กถูกเพื่อให้ search engine เข้ามาจับ หลังทำเว็บไซต์เสร็จหมดแล้ว
ตั้งค่า “การสนทนา” (discussion setting)
เป็นส่วนที่ช่วยกำหนดว่าเว็บไซต์ของคุณจะแสดงเนื้อหาแบบใดและวิธีการแสดงหน้าหลักของเว็บไซต์
ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญในการกำหนดโครงสร้างของเว็บไซต์ของคุณ
- Default post settings (การตั้งค่าเรื่องเริ่มต้น)
- –>Attempt to notify any blogs linked to from the post
ส่งแจ้งเตือนเมื่อมีบล็อกที่ลิงก์มาจากเรื่อง - –>Allow link notifications from other blogs (pingbacks and trackbacks) on new posts
อนุญาตให้ส่งลิงก์การแจ้งเตือนจากบล็อกอื่น (pingbacks และ trackbacks) ในเรื่องใหม่ - –>Allow people to submit comments on new posts
อนุญาตให้ผู้อื่นแสดงความเห็นในเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นใหม่
- –>Attempt to notify any blogs linked to from the post
- Other comment settings (ตั้งค่าความเห็นอื่น ๆ)
- –>Comment author must fill out name and email
การแสดงความเห็นให้กับผู้เขียนจะต้องใส่ชื่อและอีเมล์ - –>Users must be registered and logged in to comment
ผู้ใช้ต้องลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบก่อนจะแสดงความเห็น (pingbacks และ trackbacks) ในเรื่องใหม่ - –>Automatically close comments on posts older
ปิดการแสดงความเห็นโดยอัตโนมัติสำหรับเรื่องที่เก่ากว่า กำหนดเป็นจำนวนวัน - –>Show comments cookies opt-in checkbox, allowing comment author cookies to be set
แสดงช่องทำเครื่องหมายเพื่ออนุญาตให้เก็บคุกกี้ความเห็นจะอนุญาตให้มีการตั้งค่าคุกกี้แสดงความเห็นให้กับผู้เขียนได้ - –>Enable threaded (nested) comments
เปิดใช้งานความเห็นแบบร้อยเรียง (ซ้อนทับกัน) - –>Break comments into pages
แตกความเห็นออกเป็นหน้า
- –>Comment author must fill out name and email
- Email me whenever (อีเมล์มาหาฉันต่อเมื่อ)
- –>Anyone posts a comment
มีคนใดคนหนึ่งแสดงความเห็น - –>A comment is held for moderation
ความเห็นถูกพักไว้เพื่อรอตรวจสอบ
- –>Anyone posts a comment
- Before a comment appears (ก่อนที่ความเห็นจะปรากฏ)
- –> Comment must be manually approved
ความเห็นจะต้องถูกอนุมัติโดยคนหนึ่งคนใด - –>Comment author must have a previously approved comment
การแสดงความเห็นให้กับผู้เขียนจะต้องมีความเห็นก่อนหน้านี้ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว
- –> Comment must be manually approved
- Before a comment appears (การจัดการความเห็น)
เป็นการกำหนดเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ที่ระบบ จะใช้เพื่อตรวจสอบความคิดเห็น (comments) ที่ถูกโพสต์ในเว็บไซต์ของคุณ
โดยทั่วไปแล้วมีหลายอย่างที่คุณสามารถกำหนดได้ในการตั้งค่า Comment Moderation อาทิเช่น- –> จำนวนคำที่ใช้ในความคิดเห็น
คุณสามารถตั้งค่าให้ความคิดเห็นถูกส่งไปยังคำพูดก่อนที่จะเผยแพร่ถ้ามีจำนวนคำที่มีในความคิดเห็นมากกว่าค่าที่คุณกำหนด - –>ลิงค์หรือคำคล้อง
คุณสามารถกำหนดคำหรือลิงค์ที่ไม่ควรปรากฏในความคิดเห็น เช่น ลิงค์ที่ชั่วช้าหรือเกี่ยวข้องกับการโฆษณา - –>คำหยาบหรือการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสม
คุณสามารถกำหนดรายการคำหยาบหรือภาษาที่ไม่เหมาะสมที่ไม่ควรปรากฏในความคิดเห็น - –> ความคิดเห็นที่มีลิงค์หลายรายการ
คุณสามารถกำหนดให้ความคิดเห็นที่มีจำนวนลิงค์เกินกว่าที่คุณกำหนดไม่ได้ถูกเผยแพร่โดยอัตโนมัติ
- –> จำนวนคำที่ใช้ในความคิดเห็น
- Disallowed Comment Keys (ถอนการอนุมัติคีย์ความเห็น)
คือรายการของคำหรือคำคล้องที่ถูกตรวจสอบและไม่อนุญาตให้ปรากฏในความคิดเห็นของเว็บไซต์
ซึ่งเป็นการกรองคำหรือคำคล้องที่ไม่เหมาะสมหรือเสี่ยงต่อความปลอดภัย - Avatars (รูปแทนตัว)
เป็นรูปแทนตัวเองของผู้ใช้เว็บไซต์ ซึ่งสามารถปรับแต่งเองได้ตามความเหมาะสมของเว็บไซต์ นอกจากนี้
ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดรูปภาพ Avatars ให้กับผู้ใช้แต่ละคนโดยตรงผ่านทางหน้าการจัดการผู้ใช้
ในแผงควบคุมของ WordPress- –>Avatar Display ( การแสดงผลรูปแทนตัว)
เราสามารถเลือกได้ว่าให้โชว์ หรือ ไม่โชว์ avatar ของเรา - –>Maximum Rating (ระดับความเหมาะสมของผู้ชม)
การตั้ง rating จะเป็นการเลือกวระดับความเหมาะสมของรูปภาพ แบ่งได้ดังนี้ G – เหมาะกับทุกเพศทุกวัย /
PG — เหมาะสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป / R — เหมาะสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไป / X — เหมาะสำหรับผู้ชมที่บรรลุนิติภาวะแล้ว - –>Default Avatar (รูปแทนตัว (Avatar) เริ่มต้น)
เป็นการตั้งรูปเริ่มต้นที่จะแสดงในหน้าโปรไฟล์ของผู้ใช้ ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงทีหลัง
- –>Avatar Display ( การแสดงผลรูปแทนตัว)
ตั้งค่า “สื่อ” (media setting)
เป็นการจัดกาภาพของแต่ละขนาด เพื่อสะดวกในการเลือกใช้ขนาดของรูปที่จะแสดงบนหน้าเว็บไซต๋ของเรา
ตอนเราจัดการ widget ของรูปภาพ (image resolution) มีอยู่ด้วยกัน 3 ขนาด คือ thumbnail size(ขนาดเล็ก)
medium size(ขนาดกาง) large size(ขนาดใหญ่) ในส่วนของการ Uploading files เป็นการบอกว่า
เราจะเก็บไฟล์เป็น folder ที่เรียงตามเดือน และ ปี นั้นๆ ตอนเราอัปไฟล์ขึ้น media
ตั้งค่า “ลิงก์ถาวร” (permalinks setting)
WordPress นั้น ให้คุณสามารถปรับแต่งโครงสร้าง URL ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ wordpress แนะนำมาให้
หรือเราจะกำหนดเองก็สามารถทำได้ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน และ ความเข้าใจของผู้ใช้